เมนู

ดีใจ พยากรณ์ปัญหาของกรรมที่มีผลอย่างนี้ว่า
ครั้งเกิดเป็นมนุษย์อยู่ในหมู่มนุษย์ ข้าพเจ้าได้
เห็นสมณะทั้งหลายผู้มีศีล มีวิชชาและจรณะพรั่ง-
พร้อม มียศ เป็นพหูสูต บรรลุธรรมที่สิ้นตัณหา มี
จิตเลื่อมใส เมื่อบริจาคข้าวและน้ำ ได้ถวายทาน
อย่างไพบูล โดยความเคารพ เพราะบุญนั้น ข้าพเจ้า
จึงมีวรรณะเช่นนี้ ฯ ล ฯ และวรรณะของข้าพเจ้าจึง
สว่างไสวไปทุกทิศ.

จบปฐมกุณฑลีวิมาน

อรรถกถาปฐมกุณฑลีวิมาน


ปฐมกุณฑลีวิมาน มีคาถาว่า อลงฺกโต มาลฺยธโร สุวตฺโถ
เป็นต้น. ปฐมกุณฑลีวิมานนั้นเกิดขึ้นอย่างไร ?
พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวันวิหาร กรุงสาวัตถี.
สมัยนั้น ท่านพระอัครสาวกทั้งสองพร้อมด้วยบริวาร เที่ยวจาริกไปใน
แคว้นกาสี เวลาพระอาทิตย์ตก ก็ถึงวิหารแห่งหนึ่ง. อุบาสกผู้หนึ่งใน
โคจรคาม [ หมู่บ้านที่พระเที่ยวบิณฑบาต ] ของวิหารนั้นได้ยินเรื่องนั้น
แล้ว ก็ไปหาพระเถระไหว้แล้ว น้อมน้ำล้างเท้า น้ำมันทาเท้า เตียงตั่ง
เครื่องปูลาด และเครื่องประทีป นิมนต์ฉันวันพรุ่งนี้ รุ่งขึ้นก็ถวาย
มหาทาน พระเถระทำอนุโมทนาแก่อุบาสกนั้นแล้วก็จาริกต่อไป ต่อมา

อุบาสกนั้นก็ตายไปบังเกิดในวิมานทอง 12 โยชน์ ภพดาวดึงส์ ท่าน
พระมหาโมคคัลลานะจึงสอบถามเทพบุตรนั้น ด้วยคาถาเหล่านี้ว่า
ท่านแต่งองค์ ทรงมาลัย มีพัสตราภรณ์สวย
ใส่ตุ้มหูงาม แต่งผมและหนวดเรียบร้อย สวมอาภรณ์
ประดับมือ มียศ [ เกียรติและบริวาร ] อยู่ในวิมาน
ทิพย์ เหมือนพระจันทร์ พิณทิพย์ก็บรรเลงเพราะ
และเหล่าเทพกัญญาชั้นไตรทศจำนวน 64,000 ก็
เป็นผู้ดี ล้วนชำนาญศิลป์ พากันมาฟ้อนรำขับร้อง
ทำความบันเทิงอย่างโอฬาร.

ท่านบรรลุเทวฤทธิ์แล้วมีอานุภาพมาก ครั้งเกิด
เป็นมนุษย์ ท่านได้ทำบุญอะไรไว้ เพราะบุญอะไร
ท่านจึงมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้ และวรรณะของท่าน
จึงสว่างไสวไปทุกทิศ.

เทพบุตรนั้นดีใจ ถูกท่านพระโมคคัลลานะถาม
แล้ว ก็พยากรณ์ปัญหาของกรรมที่มีผลอย่างนี้ว่า

ครั้งเกิดเป็นมนุษย์ในหมู่มนุษย์ ข้าพเจ้าเห็น
สมณะทั้งหลายมีศีล มีวิชชาและจรณะพรักพร้อม
มียศ เป็นพหูสูต เข้าถึงธรรมที่สิ้นตัณหา ก็มีจิต
เลื่อมใส เมื่อบริจาคข้าวน้ำ จึงได้ถวายทายอย่าง
ไพบูลย์ โดยเคารพ เพราะบุญนั้น วรรณะของ

ข้าพเจ้าจึงเป็นเช่นนี้ เพราะบุญนั้น ผลนี้จึงสำเร็จแก่
ข้าพเจ้า และโภคะทุกอย่างที่น่ารัก ฯ ล ฯ เพราะ
บุญนั้น ข้าพเจ้าจึงมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้ และ
วรรณะของข้าพเจ้าจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า สุกุณฺฑลี ได้แก่ มีหูประดับด้วย
ตุ้มหูคู่งาม ปาฐะว่า สกุณฺฑลี ก็มี ตุ้มหูเช่นนั้น ชื่อว่า สกุณฑละ ตุ้มหู
เช่นนั้นมีอยู่แก่เทพบุตรนั้น เหตุนั้น เทพบุตรนั้น จึงชื่อ สกุณฺฑลี
ผู้มีตุ้มหู อธิบายว่า ผู้มีตุ้มหูที่เหมาะ มีตุ้มหูที่สมกันและกันแก่ท่าน.
บทว่า กปฺปิตเกสมสฺสุ ได้แก่ แต่งผมและหนวดเรียบร้อย. บทว่า
อามุตฺตหตฺถาภรโณ ได้แก่ สวมเครื่องประดับมือ มีนิ้วมือเป็นต้น.
บทว่า ตณฺหกฺขยูปปนฺโน ได้แก่ เข้าถึงธรรมที่สิ้นตัณหา ได้แก่
พระอรหัต หรือนิพพานนั่นเอง อธิบายว่า บรรลุธรรมที่คายกิเลส.
คำที่เหลือ มีนัยที่กล่าวมาแล้วทั้งนั้น.
จบอรรถกถาปฐมกุณฑลีวิมาน

9. ทุติยกุณฑลีวิมาน


ว่าด้วยกุณฑลีวิมานที่ 2


พระมหาโมคคัลลานเถระ

ได้ถามเทพบุตรองค์หนึ่งว่า
[73] ท่านแต่งองค์ทรงมาลัย มีพัสตราภรณ์
สวย ฯ ล ฯ ท่านจึงมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้ และ
วรรณะของท่านจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.